พออิ่มหนำสำราญกับการทานอาหารมื้อเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทัวร์ต่อครับผม
ดูเวลาตอนนี้ก็เก้าโมงเช้าได้แล้ว คงต้องรีบตระเวนเที่ยวกันแล้วครับ
เพราะไม่อยากให้ถึงตัวเมืองขอนแก่นก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน
โดยเราจะเริ่มต้นที่วัดศรีคุณเมือง ต่อด้วยวัดท่าแขก และสุดท้ายที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแก่งคุดคู้ครับผม
หลังจากที่ออกมาจากร้านสุวรรณรามาแล้ว เรามุ่งตรงมาที่วัดศรีคุณเมือง
โดยวัดศรีคุณเมืองตั้งอยู่ที่ซอย 7 ถนนชายโขง ทางด้านเหนือของตลาดเชียงคาน มีกำแพงแก้วล้อมรอบตัวพระอุโบสถ วัดนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างครับผม
จำรึกผู้บริจาคเงินบูรณะ แล้วสร้างหอไตร
ด้านหน้าอุโบสถ
ในวันที่พวกผมไปเป็นวันพระครับ มีผู้คนมาถือศีลทำบุญมากมายครับ
จิตกรรมฝาผนังเรื่องราวต่างๆ พร้อมรายชื่อผู้ที่มาบริจาคเงินทำบุญครับผม
ภายในตกแต่งสวยงามด้วยจิตกรรมฝาผนัง
มีคนพื้นเมืองมาถือศีลเป็นจำนวนไม่น้อยเลยครับ
พระพุทธรูปภายในครับ
พระพุทธรูปไม้จำหลัก ลงรักปิดทอง ปางประธานอภัย ที่สร้างตามแบบศิลปะล้านช้างหรือแบบลาว ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นมาในสมัยพุทธศตวรรษที่ 24-25 และมีข้อสังเกตว่าสำหรับผู้หญิงแล้ว การที่จะเข้ามาสักการะพระพุทธรูปไม้จำหลักนี้ จะทำได้เพียงการก้มกราบอยู่ตรงบริเวณด้านล่างของอาศนะสงฆ์เท่านั้น
ศาลาภายนอกสามารถสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุได้ครับ
หลังจากที่เยี่ยมชม สักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดศรีคุณเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
เราก็ได้ออกเดินทางต่อโดยมุ่งหน้าไปทางแก่งคุดคู้เราจะพบกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังของเชียงคาน
แห่งที่สองครับ วัดท่าแขก เป็นวัดเก่าแก่ริมฝั่งโขง ซึ่งอยู่ก่อนจะถึงแก่งคุดคู้ครับผม
ซึ่งหลวงปู่ชอบ หลวงปู่เงิน หลวงปู่สด เป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้คนที่ทำอาชีพค่าขายครับ
ภายหน้าอุโบสถครับ
มีของฝาก ของขาย หรือเครื่องสังฆทาน จำหน่ายด้วยครับ
ในส่วนด้านหน้าจะมีให้ผู้เลื่อมใสในตัวท่านมาสักการะบูชาครับ
สำหรับภายในอุโบสถนั้นจะมีพระพุทธรูปที่สกัดจากหินแกรนิตทั้งก่อนอยู่ 3 องค์ครับ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ และเก่าแก่กว่า 300 ปีครับ ตามคำบอกเล่าของคนพื้นเมือง
รูปจำลองหลวงปู่เงินครับผม
มีตู้บริจาคและพระพุทธรูปปางต่างๆครับผม
ลูกนิมิตมงคลทั้ง ๙ ครับ
พระพุทธรูปปางต่างๆครับ
หลังจากสักการะวัดดังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเวลาที่เหลือเพียงไม่มากจึงได้มุ่งหน้าไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายที่ตั้งใจไว้นั้นคือแก่งคุดคู้นั่นเองครับ ออกจากวัดท่าแขกตรงมาเรื่อยๆไม่นานนักก็ถึงครับ
ที่จอดรถกวางขวางดีครับ แต่ช่วงท่องเที่ยวไม่น่าจะจอดพอครับ
ร้านเสื้อผ้าของฝากมีตลอดข้างทางครับ
ร้านค้าริมฝั่งโขงครับ
ตำนานการกำเนิดแก่งคุดคู้
มีบริการเรือชมนำเที่ยวแก่งคุดคู้ครับ แต่น่าเสียดายช่วงที่ผมไปนั้นเหมือนทางแก่งคุดคู้กำลังปรับปรุง
จึงไม่สามารถเข้าไปชมบริเวณใกล้ๆแก่งคุดคู้ เลยไม่ได้ขึ้นเรือเที่ยวชมเลยครับ น่าเสียดายมากครับ
ข้อควรปฎิบัติขณะนั่งเรือเที่ยวชมครับ
เรือบริการจอดพักเรียงรายกันอยู่
ไหนๆก็มาแล้วขอถ่ายกับหลักกิโลซะหน่อย
อีก 425 กิโลก็หลวงพระบางแล้ว
แก่งคุดคู้เห็นอยู่ไกลๆครับ
มีอาวุธสงครามขายด้วยแห๊ะ!!!
นอกจากจะเห็นแก่งคุดคู้แล้ว ยังเห็นหมอกที่ปกคลุมภูเขาอยู่ถึงแม้จะเกือบเที่ยงแล้วก็ตาม
มะพร้าวแก้วของฝากชื่อดังของแก่งคุดคู้
เผือก มัน กล้วย ทอด และมะพร้าวแก้วสีต่างๆ ของฝากขึ้นชื่อของแก่งคุดคู้
ทุกร้านทำแข่งกันสดๆ ขายกันไม่ขาดมือเลยทีเดียว
หลังจากเยี่ยมชม ซื้อของฝากเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก
เพื่อไปเก็บข้าวของสัมภาระ อาบน้ำชำระล้างร่างกาย เตรียมตัวเดินทางกลับขอนแก่นครับ
ติดตามชมต่อในตอนจบ ตอน เก็บตกระหว่างเดินทางกลับ