เมื่อสัปดาห์ก่อนขณะนั่งทำงานอยู่ก็มีความคิดแว๊บเข้ามาในหัว
"ขี้เกียจทำงาน!! อยากไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยววุ้ย!"
ว่าแล้วก็หยิบปฏิทินขึ้นมาดูซะหน่อย
โอ้วว พุธหน้าไม่มีงาน ไปหาขี่สองล้อเที่ยวสักวันดีกว่าเรา
จึงเป็นที่มาของทริปตะลุยหนองคาย 2วัน 1คืน ครับผม
การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางในช่วงหน้าฝนซึ่งเสี่ยงต่อการเจอพายุฝนเป็นอย่างมาก
เลยลองเข้าไปเช็คข้อมูลในเว็บกรมอุตุนิยมวิทยา โอกาสที่จะเจอฝนถึง 70% บร๊ะ
แต่ถ้าถามว่ากลัวไหม..ตอบได้เลยว่ากลัวมากกกกกกก
แต่นานๆทีจะมีโอกาสดีๆที่จะหาวันหยุดไปพักผ่อนสักคืนจึงต้องขอลองเสี่ยงกันซะหน่อยครับ
จึงได้ชวนคุณแพรผู้ที่พร้อมจะร่วมเดินทางไปทุกที่ไปร่วมออกทริปสองล้อกัน
วันอังคารที่ 17 กันยายน หลังจากเคลียร์งานเรียบร้อยก็รีบบึ่งรถกลับบ้าน
เพื่อไปเก็บสัมภาระในการออกเดินทางเย็นวันนี้
เก็บของเรียบร้อย อาบน้ำเรียบร้อย รองท้องเรียบร้อย
ออกเดินทางได้!
17:40 น. แวะปั๊ม ปตท. เพื่อซื้อน้ำดื่มและขอใช้ส่วนตัวในการเดินทางนิดหน่อย
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เป็นสัญญาณบอกว่าเตรียมตัวเปียกันแน่ๆ
คุณแพรไม่หวั่นไหวกับสภาพอากาศ พร้อมลุยเสมอ!!!
ออกเดินทางจากขอนแก่นประมาณ 6 โมงเย็นโดยมุ่งหน้าเข้าสู่เขตจังหวัดอุดรก่อน
ระหว่างทางมีฟ้าแล๊บแปร๊บๆ ให้หวั่นไหวเล่นเป็นระยะๆ
วันนี้รถค่อนข้างเยอะ แถมระหว่างทางเจอการซ่อมถนนเป็นระยะยาว
ทำให้การเดินทางไม่คล่องตัวเท่าไหร่นัก
ระหว่างการเดินทางก็รู้สึกตะหงิดๆ เหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง แต่ช่างเถอะนึกไม่ออก
ขับเข้ามาในเขตจังหวัดอุดรธานีระหว่างติดไฟแดงคุณแพรเลยถามว่า
ได้หยิบที่ชาร์จแบตมือถือที่วางไว้ที่บ้านมาเปล่า เลยนึกขึ้นได้ ( เอ่อตรูลืมหยิบนิหว่า - -")
เลยได้แวะ Big C อุดร ทันที (โชคดีที่เป็นทางผ่าน)
เรียบร้อยครับ โดนค่าเสียหาย( ค่าที่ชาร์จ )ไป 400 บาทถ้วน
ไหนๆก็จอดพักแล้วเลยได้โทรศัพท์เข้าไปสอบถามที่พักที่หามาจากในเน็ต
ทางรีสอร์ทบอกว่า เคาท์เตอร์จะปิดประมาณ 4ทุ่มครับ
ดูเวลาตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มได้แล้ว น่าจะทันอยู่ ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ
ขับไปได้พักใหญ่ๆ
สิ่งที่ไม่อยากให้เกิด มันก็เกิดขึ้น.....
ฝนครับ ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่วเลยทีเดียว
ฝนตกหนักจนไม่สามารถเดินทางต่อได้ เพราะมองทางแทบจะไม่เห็นฝืนต่อไปคงเป็นอันตรายเปล่าๆ
เหลือบไปเห็นห้องแถวข้างทางที่ปิดอยู่พอดี เลยเลี้ยวรถขอไปอาศัยชายคาในการหลบฝน
สองล้อคู่ใจอาบฝนระบายความร้อน.....
คุณแพรโชว์สองนิ้วสู้ตาย ฝนแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ
หลังจากนั้นไม่นานฝนก็หยุดตก(ซะงั้น)
ได้เวลาออกเดินทางต่อแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันการ
บรรยากาศหลังฝนตกอากาศค่อนข้างเย็นสบายไม่หนาวมาก
แต่ก็มีบางช่วงที่ฝนตกปรอยๆ ให้ได้เย็นกันเล่นๆ
อีกประมาณไม่กี่กิโลก็จะถึงตัวเมืองหนองคายก็ได้มาพบกับพายุฝนอีกแล้ว
แต่รอบนี้โชคร้ายหน่อยเพราะไม่มีสิ่งปลูกสร้างระหว่างทางเลย เจอแต่ป่า
จะจอดรถก็กลัวเจอโจรปล้น เพราะ มากันแค่สองคน รถที่ผ่านถนนเส้นนี้ในตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะมีมา
(แต่ถึงจอดไปก็เปียกอยู่ดี ไปหลบในป่าก็เกรงว่าสัตว์มีพิษจะเล่นงานเอา)
เอาว่ะลุยต่อ
จากบรรกาศที่เย็นสบายๆ กลัยเป็นบรรยากาศหนาวเหน็บซะแล้วตอนนี้
ลุยไปสักพักใหญ่ๆก็เริ่มใกล้วตัวเมืองมากขึ้น คนเยอะขึ้น เจอศาลารอรถพอดี แวะก่อนดีกว่า
ชุ่มไปทั้งตัวเลยทีเดียว
ฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง
รอฝนซาลงขออีกสักรูปและกัน
พร้อมลุยต่อแล้วครับผม
พอฝนเริ่มซาลงก็ได้เวลาเดินทางลุยฝนกันต่อ เวลาตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว
จากตรงที่หยุดพักไม่นานนักก็เข้ามาถึงตัวเมืองหนองคาย
เลยเข้าไปที่รีสอร์ทกันก่อนเลย
ถึงแล้ว "บ้านตะวัน รีสอร์ท"
บ้านตะวันรีสอร์ท ที่พักนักเดินทาง
ได้กุญแจมาแล้วครับผม บ้านตะวัน4 คืนล่่ะ 600 บาทครับ
บรรยากาศภายนอกที่พักท่ามกลางฝนตก
หน้าห้องครับผม คุณแพรกำลังแยกของที่เปียกตากไว้ข้างนอกครับ
สภาพข้าวของที่เปียกไปด้วยน้ำ แต่โชคดีที่ใช้กระเป๋าเดินทางกันน้ำครับ
จึงมีเพียงเสื้อผ้า กางเกง รองเท้า เท่านั้นที่เปียกมาก
มาดูบรรยากาศภายในห้องบ้างครับ
พอเดินเข้ามาภายในห้องจะได้กลิ่นหอมใบเตยครับ
สำหรับบ้านตะวัน 4 นี้จะเป็นแบบเตียงคู่ครับผม
ประกาศสำหรับนักเดินทางที่มาเข้าพักกับบ้านตะวันรีสอร์ทครับ
ห้องพักค่อนข้างสะอาด และเรียบร้อยครับ
ตกแต่งภาพศิลปะภายในห้องครับ
มุมโต๊ะเครื่องแป้งครับ มีโต๊ะไว้สำหรับทำงานด้วย
ภายในห้องน้ำครับผม
ภายในห้องน้ำอีกรูปครับ
เคล็ดลับความหอมกลิ่นใบเตยของห้องนี้อยู่นี้นิเอง
มาดูกันใกล้ๆครับ
น่าจะเป็นใบเตยแห้งผสมกับผงการบูนหรือผงยูคาลิปตัส
ภายในตู้เสื้อผ้า เอาเสื้อเด็กแว๊นมาแขวนไว้แล้ว
สำหรับภาพถ่ายบรรยากาศโดยรอบที่พักจะอยู่ในตอนถัดไปครับผม
จากนั้นก็เก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย เอาเสื้อผ้าเปียกไปตากไว้หน้าห้อง
อาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ร่างกายสดชื่นจากความเหนื่อยล้า
ประมาณห้าทุ่มกว่าฝนก็หยุดโปรยปราย (กว่าจะหยุดได้ - -)
จึงได้เวลาออกไปหาข้าวเย็น(หรือข้าวดึก)ทานกันดีกว่า
บรรยากาศเมืองหนองคายยามดึกค่อนข้างเงียบสงบไร้รถลา
เลยเดินทางวนดูในเมืองว่ามีร้านไหนเปิดอยู่บ้าง
จึงได้มาหยุดกันที่ร้านนี้ ดีดี โภชนา ร้านข้าวต้มยามดึก
เพราะดูๆแล้วน่าจะมีคนมาทานกันมากกว่าร้านอื่นๆดูจากจำนวนรถที่จอดและคนในร้าน
ด้านหน้าร้าน ดีดี โภชนา
ภายในร้านค่อนข้างกว้างขวาง
มีโต๊ะอาหารรองรับแขกผู้มาเยือนมากมายจริงๆ
เมนูอาหารครับ
หลังจากได้สั่งอาหารไปแล้วรอสักพักอาหารก็เริ่มทยอยกันมา
ข้าวเปล่ามาก่อนเลย
ไส้หมูพะโล้
ต้มยำรวมมิตร
ไก้ผัดเม็ดมะม่วง
ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมชุดเล็ก
ผัดกุ่ยช่ายขาวหมูกรอบ
ใช้พลังงานในการเดินทางมากไปหน่อย เลยขอจัดเต็มมื้อนึงแล้วกัน
(มากันสองคนกินอย่างกับมาสี่ - - )
อาหารมาครบแล้วจะทานและน๊าาา
หิวมากครับงานนี้เลยขอเบิ้ลข้าวสวย 1 ถ้วยและ ข้าวต้มอีก 1 ถ้วย
หมดแล้วได้เวลาเสียตังค์
บิลมาแล้วครับผม
ยอดรวมค่าอาหารมื้อนี้ 592 บาท
ร้านนี้ส่วนตัวแล้วราคาค่อนข้างแพงไปนิดเมื่อเทียบกับร้านข้าวต้มยามดึกจังหวัดข้างเคียง
และอาหารส่วนมากค่อนข้างมีรสเค็มนิดหน่อย
(แต่ส่วนตัวผมชอบทานหวานอาจทำให้รู้สึกคิดไปเองว่าเค็มหรือเปล่า)
แต่เมนูที่อร่อยสุดในมื้อนี้คงเป็น ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ครับผม
การบริการร้านนี้ถือว่าค่อนข้างดี พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ขอสำรวจเมืองหนองคายซะหน่อย
โดยคุณแพรจะเป็นคนแว๊นซ์พาเราชมน่ะครับ
ประเทศเพื่อนบ้านอยู่ใกล้แค่เอื้ม
เป็นคนซ้อนมันสบายจริงๆ
(โครตแมนเลยผม ซ้อนมอเตอร์ไซค์ให้ผู้หญิงขี่ 55)
ยินดีต้อนรับสู่เมืองพญานาค
น้ำพุพญานาคกลางเมืองหนองคาย ถ้าไม่มาถ่ายรูปตอนกลางคืนคงไม่มีโอกาสได้ถ่ายใกล้ๆแน่
เพราะตรงนี้เป็นวงเวียนหลักของที่นี้เลยทีเดียว
แม้แต่โคมไปยังเป็นพญานาค สวยมากๆครับ
หนองคายยามค่ำคืนช่างเป็นเมืองที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆครับ
แต่ดูเวลาก็ปาไปจะตีสองแล้วคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนครับ
แล้วเจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้
ราตรีสวัสดิ์ครับผม
ปล.ในทริปนี้อาจไม่ค่อยมีภาพการเดินทางสักเท่าไหร่ครับ เพราะเจอกับพายุฝนเลยแวะจอดได้ยาก
ปล.2 ภาพถ่ายโดยรอบของที่พักจะอยู่ในตอนถัดไปครับผม
ปล.3 ติดตามต่อใน ตะลุยหนองคาย ตอน ยามเช้า ณ.หนองคาย นมัสการหลวงพ่อพระใส